ธรรมชาติที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาที่เปรียบเสมือนปราการด่านธรรมชาติ ยังคงซ่อนเร้นสถานที่ที่ยังเป็นธรรมชาติแบบเดิมๆ อันห่างไกลผู้คน เสน่ห์ที่น้อยคนนักจะได้เชยชม เว้นเสียแต่ความหาญกล้าที่จะเดินทางเข้าไปสัมผัสและมีใจรักธรรมชาติ ชอบวิถีชีวิตการผจญภัยอย่างแท้จริง..ณ ที่แห่งนี้คือ..น้ำตกเลตองคุ
จากการพูดคุยกับชาวบ้านเลตองคุแล้ว ทำให้เราทราบว่ายังคงมีน้ำตกที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่ง อยู่ด้านล่างท้ายหมู่บ้าน ทำให้เราเปลี่ยนใจที่จะรีบเดินทางออก หันพวงมาลัยรถไปตามคำบอกเล่าเพื่อขอยลโฉมทันที
ขับรถไม่นานนัก ก็เดินทางมาถึงสถานที่จอดรถ เดินเท้าไปอีกราวๆ 2 นาที ก็ถึงบันไดไต่ลงไปชมตัวน้ำตก ระหว่างทางพบกลุ่มหนุ่มสาวชาวกะเหรี่ยง มาเที่ยวเล่นกัน เปรียบได้กับหนุ่มสาวในสังคมเมือง พากันเที่ยวตามห้างสรรพสินค้าก็ไม่ปาน
ผู้เฒ่าชาวกะเหรี่ยงออกน้ำใจไมตรีอันดีงาม อาสานำพาเราเดินไปชมน้ำตก
บันไดลงชมตัวน้ำตก ชันระดับ 90 องศาเลยเชียว
สาวๆกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส ก็เลยขออนุญาตเป็นนางแบบกลางป่าเขาซักหน่อย การแต่งกายของสาวน้อยชาวกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ แต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาวตลอดเนื้อผ้า แสดงถึงประเพณีของชาวกะเหรี่ยง ที่บ่งบอกถึงสาวๆ ที่ยังไม่ไ้แต่งงาน หรือยังไม่ออกบ้านออกเรือนนั่นเอง หากเป็นชุดแม่บ้านชาวกะเหรี่ยงแล้ว จะสังเกตุด้วยการแต่งกายชุดผ้าหลากสี
มีเขินอายนิดๆ
ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ ทำให้ไม่มีจุดสะดวกในการที่จะถ่ายภาพตัวน้ำตกทั้งหมดได้ บางจุดต้องลงลุยน้ำไปถ่าย บางจุดลื่นมากอาจเสี่ยงต่อการที่กล้องจะเปียกน้ำ แต่ก็ได้ภาพมาพอสมควรครับ
ปลายน้ำตกไหลเข้าสู่เขตพื้นที่ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
เติมพลังธาตุชีวิต สูดกลิ่นอายบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติแล้ว ขอขอบพระคุณผู้เฒ่าผู้นำทาง ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น