พงไพร ผีป่า นางไม้

พงไพร ผีป่า นางไม้

วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เรื่องเล่าก่อนเป็นตำนาน ตอน .. "พระรอด" กับความลี้ลับ ที่เก็บซ่อนมานานกว่าหนึ่งพันสามร้อยปี


พระรอด พิมพ์ใหญ่ วัดมหาวัน "องค์ปฐม"

 (Protected Danger - Harm Buddha Amulet - 1,300 yrs)


จารึกลานทองแห่งองค์พระฤษี ผู้วิเศษ....

    “ศุภมัสดุ ๑๒๖๕  สิทธิการิยะ แสดงบอกไว้ให้รู้ว่าฤาษีทั้งสี่ตน พระฤาษีพิมพิลาไลย์เป็นประธาน  เราจะทำด้วยฤทธิ์ ทำด้วยเครื่องประดิษฐ์ มีสุวรรณเป็นต้น คือ บรมกษัตริย์ "พระยาศรีธรรมโศกราช " เป็นผู้มีศรัทธา พระฤาษีทั้งสี่ตนจึงพร้อมกันนำเอาแต่ว่าน แร่วิเศษทั้งหลาย  แล้วจึงอัญเชิญเทวดามาช่วยกันทำพิธี สถานหนึ่งแดง  สถานหนึ่งดำ  "ให้เอาว่าน แร่วิเศษ ทำเป็นผงก้อน" พิมพ์ด้วยลายมือของ"พระมหาเถระปิยะทัสสะสี  ศรีสารีบุตร" ผู้เป็นใหญ่เป็นประธานในที่นั้น  และให้เอาผงแร่ต่าง ๆ มีอานุภาพต่างกัน  เสกด้วยมนต์คาถาครบ  ๓  เดือน  แล้วท่านให้เอาไปประดิษฐาน ณ พระสถูปแห่งหนึ่งที่เมือง "พันทูม"

    จากบทคัดย่อของข้อความในจารึกลานทองแห่งองค์พระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ถูกค้นพบพร้อมกับ "พระผงสุพรรณ" เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖ ทำให้ผู้เขียนค้นพบความลับในองค์ "พระรอด" ที่เชื่อกันว่า สร้างโดยองค์พระฤษีผู้มีมนต์วิเศษเช่นเดียวกัน จากการที่พบโลหะธาตุ ก้อนกลมๆ ที่ถูกบรรจงปั้นคลึงให้เป็นก้อนกลมมน แล้วทำพิธีฝังบรรจุเข้าไปในเนื้อองค์พระ....ตามตำนานจารึกลานทองที่จารึกเกี่ยวกับการปั้น..แร่วิเศษ...

    "ให้เอาว่าน แร่วิเศษ ทำเป็นผงก้อน" ากความหมายของคำว่า "ให้เอา..ว่าน..ทำเป็นผงก้อน" จึงน่าจะหมายความถึง การนำผงว่านเข้าแม่พิมพ์แล้วพิมพ์ให้เป็นองค์พระ ส่วนคำว่า "ให้เอา..แร่..วิเศษ ทำเป็นผงก้อน" จึงน่าจะหมายถึงการปั้นแร่ให้เป็นก้อน....แล้วบรรจุเข้าไปในองค์พระ ..เฉกเช่นเดียวกับ..พระรอด ...องค์นี้


An Introduction,

   There was hardly anyone who ever seen "Native Pra Rod (Protected Danger - Harm Buddha Amulet)" ,moreover never had someone who ever found or ever seen the secret inside  "Native Pra Rod" that keeps its secret for more than 1,300 yrs .I spent time of learning and research  " A broken native Pra Rod " that I got one from the trip to the north. The story is going to be legendary the legend and is starting .....

    By The Legend...Inscription of an ancient golden plate(found inside pagoda of Prasrirattana Mahadhat Temple .

     "..Fare you well marked 1265 yr, may it come to pass, the four sacred hermit  by the Bhim Bhi La Laii Hermit as principle  in the summit conference.We would do by supernatural power, with holy gadgetry, "King- Pra Ya Sridhammasokaraja" had faithfulness. "Monk- Pra Mahadherapiyadhachasri Srisaripudh" as leading actor.Respectfully engaged to Guardian angels, god, sprite etc to help together in sacred religious ceremony.Brought the pollen of sacred botanic herb, special mineral,special sacred mass to clod and mold with fingerprints of "Monk- Pra Mahadherapiyadhachasri Srisaripudh".Recite incantations for three months. Thereafter, brought to pack in pagoda of "Bhandhoom Town".Whoever meet,adoption...pay homage to...worship... are magical Buddha amulets,may could cover all dangers,with respectfully.
    As the word from the inscription of an ancient golden plate....(above) was said about....to clod and mold...may interpret the meaning of "clod and mold" would mean printed in molds and brought the special sacred metal minerals to mold similarlike  tiny round ball to pack into the amulets. So did the same as "Pra Rod" are believed that created by the sacred hermit of "The Kingdom of Haripunjaya" ....named  "Narod or Naratha - Hermit"



Sacred metal minerals in "Native Broken Pra Rod"...


    Discovered by Pol.lt.Apichart Patpai. One who likes to learn and research about Art and Culture , lives and works in the north of Thailand.
    Sacred metal minerals in a broken "Pra Rod (Protected Danger - Harm Buddha Amulet)" was discovered by coincidences because of the deduction but still remain from half front down to the bottom.
Shape - Likes a tiny round ball and it seems intend to mold and packs into the Buddha Amulet ,suction magnet (The magnet can be sucked mildly) and from my opinion not packs into in every "Pra Rod" .


ปฐมบท....
    จากการที่ผู้เขียน ได้นิยมชมชอบสะสมพระเครื่อง มาครั้งตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม โรงเรียนประจำจังหวัดเชียงราย เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๗ ตามวิสัยของลูกผู้ชาย ไม่สะสมพระ ก็สะสมของเล่นแบบผู้ชาย ยังจำได้ว่า หนังสือพระเครื่องเล่มแรกที่เคยอ่านคือ "นิตยสารศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งก็ไม่ได้ซื้อหามาอ่านเอง แต่ก็ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพระเครื่องและพระเกจิอาจาย์ จากหนังสือเล่มนี้ ก็เพราะคุณแม่ เป็นคนซื้อมาอ่านและประกอบการดูการทำนายเลขหวยตามประสาท่าน..จึงทำให้ผมพลอยได้อ่านเนื้อหาภายในเล่มและเป็นปฐมบทแห่งการนิยมชมชอบพระเครื่องมาตั้งแต่บัดนั้น ซึ่งหนังสือพระเครื่องเล่มแรก ที่หาซื้ออ่านมาด้วยกำลังทรัพย์ของตนเอง คือ..หนังสือ "นโม" สมัยนั้นหน้าปก..ราคา ๑๒ บาท
    ครั้นเมื่อเติบโตขึ้นมาตามวัย จึงได้หยุดการสะสมพระเครื่องไปพักใหญ่ๆ หันมานิยมชมชอบเรื่องราวเกี่ยวกับป่า การท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร การอนุรักษ์ป่า การกระตุ้นให้คนหันมาหวงแหนทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า การเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับป่า ตามแบบฉบับของผู้เขียน ตามหัวข้อ "เรื่องเล่า ข้างกองไฟ"..
    เมื่อได้เดินทางท่องเที่ยวตามป่าเขา หุบห้วยลึก ไปมาครึ่งค่อนประเทศแล้ว จากป่ากุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จรดป่าเขตจังหวัดทางแถบภาคเหนือ เหนือสุดในเขตจังหวัดเชียงราย ... เขียนเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเดินทาง การเข้าป่า หรือแม้กระทั่งการเผชิญสิ่งลี้ลับในป่า ...ก็เขียนมาหลายบทความแล้ว บทความเรื่องเล่าที่เป็นที่นิยมชื่นชอบจนมีการนำไปแพร่หลายอยู่ในขณะนี้คือ..เรื่อง "พรานไพร ผีป่า นางไม้ เหรียญบาทพญาครุท" ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพรานป่าและประสบการณ์เหรียบบาทพญาครุท ปี ๒๕๑๗ และเรื่องที่นิยมอีกเรื่องคือ...พรานกะเหรี่ยง ผู้เผชิญผีเจ้าป่า ป่าใหญ่ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก 
   ในครั้งนี้เห็นทีจะเปลี่ยนเรื่องเล่า เรื่องเขียน มาเขียนเกี่ยวกับพระเครื่อง...เครื่องรางของขลัง ตามแบบฉบับ เอกลักษณ์ของตนเองบ้าง...และเป็นการหันมาศึกษาพระเครื่องอย่างเป็นจริงเป็นจังซะที..

สู่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน....

น้าตกก้อหลวง อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อ.ลี้ จ.ลำพูน



    เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๕๗ ผม..ได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวยัง..อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ระหว่างเส้นทางได้แวะกราบไหว้สรีระพระเกจิอาจารย์ "ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา"  ณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม...อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน 


สรีระ..ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา..หนึ่งในตนบุญแห่งล้านนา




พระครูบา..ผู้เป็นตำนานและให้ประชาชนทั้งตำบล หันหาเลิกการเบียดเบียนบริโภคเนื้อสัตว์...

    หลังจาก..กระผม..ผู้ขียน ...ได้กราบไหว้สรีระครูบา..เสร็จแล้ว จึงเดินทางชมและหามุมถ่ายรูปในบริเวณวัด จึงได้ผมกับคุณลุง.ท่านหนึ่ง เราต่างยิ้มแย้มทักทายกันตามประสาคำเมืองแห่งล้านนา แบบ..อู้กำเมือง.. จึงได้ทราบว่าคุณลุง..มีบ้านพักอาศัยใกล้กับบริเวณขอบรั้ววัด กระผม..จึงเห็นเป็นที เอ่ยถามคุณลุง เผื่อท่านจะมีของดี หรือวัตถุมงคล หรือเรื่องเล่า ให้กระผมได้รับชม หริอได้รับฟังบ้าง ซึ่งคุณลุงก็บอกให้ผมพอจะรับทราบว่า ท่านไม่ได้เก็บวัตถุมงคลหรือสะสมอะไรเกี่ยวกับตัวของท่านครูบา..ไว้เลย มีก็เพียงแต่เหรียญรุ่นใหม่ๆ ที่ได้มาตอนทำบุญประจำปี กระผมจึงอยากจะขอชมบ้าง ..เผื่อจะได้ไว้สะสม เก็บไว้บูชา..ซึ่งคุณลุงก็เต็มใจ เดินทางกลับไปนำมาจากบ้านพักอาศัย
    สักพัก..ครู่หนึ่ง คุณลุงก็กลับมาพร้อมกับย่ามสะพาย สไตล์กะเหรี่ยง พูดพลางหยิบเหรียญรุ่นใหม่ๆของท่านครูบาให้ผมได้รับชม หยิบดู...จึงอยากจะได้สะสมไว้บูชาบ้าง พลางเอ่ยขอเช่าบูชาจากคุณลุง ซึ่งแกก็ไม่รู้ว่า...จะให้บูชาเท่าไหร่ ..เห็นแก เก้ๆกังๆ ผมจึงหยิบยื่นธนบัตรใส่ในมือคุณลุงซะเลย ดูแกก็เขินๆอายๆ แต่ก็รับไว้พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ..

พบ..พระรอด อกหักครึ่งองค์..

    คุณลุงกล่าวขอบคุณ ในน้ำจิตน้ำใจ พร้อมกับล้วงไปหยิบของภายในย่ามสะพาย แกล้วงออกมาพร้อมกับเอ่ยบอกว่า ..."อ่ะ ..เฮาฮื้อ แต่เป็นพระหักครึ่งนะ.. " ผมจึงรับมอบไว้ตามคำบอกของแก ...แกบอกว่า "พระรอด... แต่เสียดายทำพระหักชำรุดเอาตอนไหนไม่รู้ แต่ก็เก็บไว้นานแล้ว ส่วนที่หัก หาบ่ป๊ะละ (หาไม่เจอละ).." ด้วยน้ำใจของแก ผมจึงรับมอบไว้ แต่ก็ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรมาก หลังจากกลับมาแล้วก็นำมาเก็บวางใว้ในตู้พระ..ที่บ้าน
    ต่อมา..เมื่อต้นปีนนี้ พ.ศ.๒๕๖๐ กระผม..ผู้เขียนมีเวลาที่ว่างเว้นจาการเดินทางเข้าป่า จึงได้หันมาหยิบแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ หาเรื่องราวบทความใหม่ๆมาบันทึกเล่าสู่กันฟัง นอกเหนือจากเรื่องเล่าจากการเดินป่าแล้ว เห็นจะมีพระเครื่องนี่แหละ จึงได้หันมาศึกษาเกี่ยวกับพระเครื่องอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยเริ่มต้นการศึกษาพระเครื่องในชุดเบญจภาคี...เป็นอันดับแรกๆ เพราะอยู่ในความสนใจของหลายๆท่าน ที่ชอบสะสมพระเครื่อง..

พบ..โลหะธาตุกายสิทธิ์ ในองค์พระรอด..

    เมื่อได้ศึกษา "พระรอด พิมพ์ใหญ่ วัดมหาวัน จังหวัดลำพูน" ในองค์ที่สมบูรณ์แล้ว จึงคิดสงสัยว่า เนื้อในองค์พระ ข้างในมีมวลสารอะไรบ้าง...

    พลันนึกขึ้นมาได้ว่า .. เป็นโชคดี..เรามีพระรอดองค์หักครึ่งหนึ่งอยู่แล้วนี่ จึงได้ค้นหา..แล้วหยิบจับขึ้นมาศึกษาเนื้อในพระรอด
เมื่อได้ตรวจดูพุทธศิลป์ ทั้งกลุ่มโพธิ์ที่เหลืออยู่ ประกอบเนื้อหาความเก่า ที่ผ่านกาลเวลามาเป็นพันปี จึงพออนุมาณได้ว่า นี่คือ "พระรอด พิมพ์ใหญ่ ก้นแมงสาบ วัดมหาวัน จังหวัดลำพูน"
  ..แต่ก็ต้องมาแปลกใจที่ ก้อนกลมๆ ที่ฝังอยู่ในช่วงท้ายทอยขององค์พระ..ซึ่งมีลักษณะกลมมน ใหญ่ประมาณหัวไม้ขีดไฟ เหมือนกับการบรรจง ปั้นแต่งให้กลม แล้วบรรจุใส่เข้าไปในองค์พระ..

    ลักษณะก้อนกลมๆ ที่ฝังในองค์พระรอด มีความเก่าแก่ แตกลาย ตามกาลเวลา ลักษณะเห็นชั้นผิวนอกเป็นสีแดง สีดำ สีน้ำตาล และยังปรากฏชั้นเนื้อในผิวอีกชั้นหนึ่ง
    ศึกษาอยู่พักใหญ่ๆ ยังไม่รู้เลยว่า ..คือวัตถุประเภทอะไร จึงนึกขึ้นได้ว่า เรามีลำโพงเครื่องเสียงอยู่ จึงได้นำแถบแม่เหล็กตรงท้ายลำโพง มาตรวจวัดประกอบดู ปรากฏว่า โลหะก้อนกลมๆที่ฝังในองค์พระรอดนี้ มีปฏิกิริยาดึงดูดกันกับแถบแม่เหล็กแบบมีแรงดึงดูดอ่อนๆ  จึงได้เรียกตามนี้ว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์"

เผยความลี้ลับในองค์ "พระรอด" ที่เก็บซ่อนมานานกว่าหนึ่งพันสามร้อยปี....




    
    "เราจะทำด้วยฤทธิ์ ให้เอาว่าน..แร่วิเศษ ทำเป็นผงก้อน" ตามตำนานการสร้างพระ..แห่งองค์พระฤษี ในตำนานจารึกลานทอง เกี่ยวกับการสร้างพระผงสุพรรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี  เช่นเดียวกับพระรอด จังหวัดลำพูน ที่กล่าวถึงตำนานการสร้างโดยองค์พระฤษี ผูัมีฤทธิ์  "โลหะธาตุกายสิทธิ์ " ที่ฝังอยู่ในองค์พระรอด และถูกค้นพบโดย..ผู้เขียน จึงน่าเชื่อได้ว่ามีฝังไว้ในเฉพาะบางองค์  และโดยพระฤษีบางตน...ที่มีฤทธิ์ แล้วเสกปั้นให้กลม ประจุด้วยฤทธิ์คาถา บรรจุในองค์พระรอด ให้สืบทอดต่อไปในภายภาคหน้า อันหวังให้เกิด "สิทธิการิยะ หรือประสิทธิผล ตามโองการแห่งองค์พระฤษีตนนั้น"...แล



"สิทธิการิยะ ตามโองการแห่งองค์พระฤษี ผู้สร้างพระรอดในตำนาน"
ฤษีนารอด (นาระถะ) ผู้สร้างพระรอดในตำนาน


ด้านหลัง องค์พระรอด..



  ด้านหลังองค์พระรอด เป็นแบบยุบเหี่ยวหนังช้างที่ด้านล่าง ส่วนด้านบน ตรงกลางขึ้นไปมีความโค้งมนแบบหลังกระดองเต่า จึงทำให้พออนุมาณได้ว่า ทำไม พระรอด พิมพ์ใหญ่..จึงมีด้านหลังที่โค้งมนแบบกระดองเต่า ตั้งแต่ส่วนกลางขึ้นไป โดยมีส่วนที่โค้งมนที่สุด ที่บริเวณท้ายทอย
    ความโค้งงอแบบหลังเต่าขององค์พระรอด จึงน่าจะเกิดจากการวางองค์พระแบบคว่ำหน้า แล้วให้ความร้อนโดยวิธีการเผาไฟจากทางด้านหน้า จึงทำให้อุณหภูมิคลื่นความร้อนไหลผ่านจากด้านหน้าอ้อมสู่ด้านหลัง ผ่านโลหะธาตุก้อนกลมมน ที่ฝังบริเวณท้ายทอย มวลสารที่ได้รับความร้อนบริเวณท้ายทอยขององค์พระ จึงเกิดการโค้งงอบิดตัว อ้อมโลหะธาตุ..งุ้มมาทางด้านหน้าขององค์พระ เช่นเดียวกัน หากนำไม้ไปปักขวางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว กระแสน้ำก็จะหมุนวนไหลกลับ เช่นกัน...
    เมื่อด้านหลังพระ เกิดการม้วนบิดโค้งงอแบบหลังกระดองเต่า จึงบังคับให้แบบพิมพ์ในส่วนด้านหน้าองค์พระรอด ดูงองุ้ม พระพักตร์ มีสายพระเนตรมองก้มต่ำ แบบสงวนในท่าที อันมีอำนาจบารมี ดูน่าเกรงขาม...


เขียนเรื่องโดย...ร.ต.ท.อภิชาติ ปัดภัย  (ชาติ เชียงราย) ..Knowledge are endless. 

"การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด" สงวนสิทธิ์บทความและรูปภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น