พงไพร ผีป่า นางไม้

พงไพร ผีป่า นางไม้

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ธรณีวิทยา ปฏิมากรรมกำแพงหน้าผาดิน "ผาจ้อ" อุทยานแห่งชาติแม่วาง อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่



"อุทยานแห่งชาติแม่วาง"

 "ผาจ้อ"

 "ผาจ้อ"..เป็นภาษาถิ่นทางล้านนาหรือภาษาคนเมืองทางภาคเหนือ หมายถึงหน้าผาที่มีลักษณะแตกยอดหรือแตกช่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มแล้วเหยียดม้วนชูขึ้นไปแบบช่อดอกไม้ผลหรือการม้วนพันห่อหุ้มช่อดอกไม้ จ้อ...จึงหมายถึง...ช่อ ทางภาคกลาง ผาจ้อ..ตั้งอยู่ในเขต "อุทยานแห่งชาติแม่วาง" ในเขตพื้นที่อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ ๔๕ กิโลเมตร เส้นทางสายเชียงใหม่ - ฮอด และระยะทางจากแยกถนนหลักบริเวณที่ตั้งหมู่บ้านสามหลัง ตำบลสองแคว อำเภอดอยหล่อ..เข้าสู่ตัวอุทยานอีกประมาณ ๑๕ กิโลเมตร 
      ผมใช้เส้นทางจากถนนหลักสายเชียงใหม่ - ฮอด ในเขตอำเภอดอยหล่อแล้วเลี้ยวเข้าตามถนนรองสายอำเภอแม่วาง - อำเภอจอมทอง 

    ขับรถมาราวๆ ๒๐ นาทีกว่านิดๆ ก็ถึงป้ายตั้งอยู่ริมทาง บอกทางเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวผาจ้อ (ผาช่อ) พร้อมกับด่านเสียค่าธรรมเนียม

ป้ายบอกเวลาเปิด

ด่านเสียค่าธรรมเนียม

    ชำระค่าธรรมเนียมเสร็จก็เริ่มลุยกันเลย กับเส้นทางขรุขระ ลูกรังฝุ่นแบบธรรมชาติ

                มีป้ายบอกระยะทางคงเหลือครับ ...อีก ๓ กิโลเมตร


    กับระยะทาง ๕ กิโลเมตร ใช้ระยะเวลานานเกินระยะทางในเส้นทางปกติ เพราะเส้นทางใช้ความเร็วไม่ได้ และแล้วก็ผมก็มาถึงลานจอดรถ

             จากลานจุดจอดรถ มีของที่ระลึกและน้ำดื่มจำหน่าย 


    นั่งกินลมชมวิว จากจุดบริเวณนี้ได้ไกลในระดับใกล้เคียงสายตา นึกถึงในคราหน้าฝนคงจะเขียวชะอุ่มสวยงามมากๆ 


    เส้นทางเดินลงไปชมระยะทางประมาณ ๔๐๐ เมตร ชัน...แต่มีราวให้จับ มาถึงตอนกลางวัน ร้อนเอาการทีเดียวครับ




                    ป้ายศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติ มีตลอดแนวทาง

จุดนั่งพักริมทางเดินลง

ป้ายบอกระยะทางครับ...พอให้หายเหนื่อยหน่อย

ทางเดิน...ไปตามแนวร่องท้องแม่น้ำในอดีต

     ทางเดิน...พาให้นึกถึงหลุมสนามเพลาะหรือบังเกอร์ในภาพยนตร์สงครามเลย

    บริเวณนี้เคยเป็นแม่น้ำเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลก ยกดันตัวขึ้นเป็นภูเขาจนถึงยุคปัจจุบัน จึงยังคงมีร่องรอยการกัดกร่อนกัดเซาะของกระแสน้ำเป็นแนวร่องที่เราเดินในเวลานี้ โดยยังคงมีหินแม่น้ำให้เราเดินนวดฝ่าเท้า แบบสปาอุ้งเท้าไปในตัว...



                          ปฏิมากรรมจิ๋วตามแนวขอบทางเดิน




                         ร่องรอยการชะล้างหน้าดินของน้ำฝน



                                     แนวของสายน้ำไหลในอดีต


ทางขึ้นชม...ผาจ้อ..ลักษณะเป็นเนินชัน พอให้ได้เหงื่อหน่อยๆ


ด้านบนเป็นจุดแวะพักคลายร้อน นั่งเล่น ชมภูมิประเทศได้

ป้ายแนะนำผังการชมภูมิทัศน์ ..ผาจ้อ

   ชมจากมุมมองด้านบนแล้ว ก็มีระเบียงดิน ทางเดินลงไปชมปฏิมากรรมหน้าผากำแพงดินที่เรียกกว่า..."ผาจ้อ"

  ลักษณะภูมิประเทศที่ตั้ง.."ผาจ้อ" ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าโปร่ง เป็นแนวกำแพงหน้าผาคล้ายแบบกำแพงดินขนาดยักษ์ ที่มีซอกหลืบหน้าผาหลบซ่อนเร้นดูอึมครึมลึกลับ ทำให้นึกถึงนครเพตรา ในประเทศจอร์แดน ที่ใช้เป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์ผจญภัยสุดคลาสสิคเรื่องดังที่ผมชอบมาก "ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า....อินเดียน่า โจนส์"





     ชาวบ้านรู้จักกันมานานแล้ว เรียกว่า.."ผาจ้อ" ตามลักษณะของภูมิประเทศ "จ้อ"...ในภาษาถิ่นล้านนาคำเมืองแปลว่าการแตกดอกออกพวงหรือการชูดอกของไม้ผลหรือการม้วนพันห่อหุ้มช่อดอกไม้จ้อ...จึงหมายถึง...ช่อ ทางภาคกลาง "ผาจ้อ"..เป็นปฏิมากรรมทางธรรมชาติที่เคยเป็นขอบของสายน้ำในอดีตแล้วเกิดการชะล้างผิวหน้าดินไหลลงมากัดกร่อนเป็นรอยยาวตามแนวตั้ง ส่วนยอดที่เรามองเห็นเป็นสีดำปนน้ำตาล คือส่วนที่มีความแข็งที่ยากต่อการกัดกร่อน ส่วนที่เป็นสีเหลืองนวลคือเนื้อดินที่ถูกกัดกร่อนมีขนาดเล็กลงกว่าส่วนยอด จึงมองดูคล้ายลักษณะของก้านของดอกไม้ผล ชาวบ้านจึงเรียกกันเป็นภาษาคำเมืองว่า..."ผาจ้อ"


                   "ผาจ้อ"..ลักษณะการกัดกร่อนแบบแท่งเสา



เส้นทางในขากลับ เดินอ้อมกลับอีกทาง ตามทางเดินน้ำในอดีต




    เป็นช่วงทางเดินแคบๆ เดินเบียดกับแนวอดีตขอบแม่น้ำ จึงเรียกว่า "ฮ่อมกองกีด" หรือช่องทางเดินแคบๆ ที่เต็มไปด้วยหินแม่น้ำประดับสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ





   ชมปฏิมากรรมแปลกตาแล้วได้เวลาเดินทางกลับ ผมใช้เส้นทางเลี้ยวซ้ายกลับออกไปอีกทาง สู่เขตตัวที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วาง

          จากระยะทางลูกรังประมาณ ๒ กิโลเมตร ก็โผล่พ้นถนนดำ




    ผาจ้อ...กับบรรยากาศเหมือนฉากในภาพยนตร์ผจญภัย หากได้กลับมาอีกครั้งคงต้องลองมาในฤดูป่าเขียวหรือยามตะวันไม่สาดแสงแรงกล้า 

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2559

วัดพระธาตุดอยน้อย อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่


"พระธาตุดอยน้อย"

     "พระธาตุดอยน้อย"..... วัดพระธาตุดอยน้อย ตั้งอยู่ที่เขตตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเมื่อก่อนตำบลดอยหล่อขึ้นอยู่กับอำเภอจอมทอง ก่อนจะยกฐานะแยกตัวออกมาเป็นอำเภอดอยหล่อในปัจจุบัน

    "วัดพระธาตุดอยน้อย" สร้างโดยพระนางเจ้าจามเทวี ในคราเสด็จมาจากเมืองละโว้เพื่อไปครองเมืองหริภุญชัยเมื่อ พ.ศ.๑๒๐๑  โดยเสด็จมาทางชลมารคมาตามลำน้ำแม่ปิงและได้หยุดแวะประทับแรมยังบริเวณใกล้เคียงสถานที่แห่งนี้ พระองค์ทรงโปรดให้สร้างพระเจดีย์ที่บริเวณยอดดอยแห่งนี้เพื่อไว้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และจัดให้มีพิธีสมโภชเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน 
      พ.ศ.๒๐๓๙ พระเมืองแก้ว เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ กษัตริย์ล้านนา ราชวงศ์มังราย ได้ค้นพบตำนานเจดีย์ของพระนางเจ้าจามเทวี ซึ่งขณะนั้นพระเจดีย์ชำรุดทรุดโทรมมาก จึงมอบหมายให้ขุนดาบเรือนนำข้าราชบริพารมาทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ และประมาณในปี พ.ศ.๒๓๐๐ วัดพระธาตุดอยน้อยได้ถูกทิ้งร้างไปช่วงระยะหนึ่งเนื่องจากเหตุภัยสงคราม ประชาชนพากันอพยพหลบลี้หนีภัยสงคราม ต่อมา พ.ศ.๒๔๗๕ ครูบาอินทจักร ครูบาพรหมมา ครูบาคำภีระ  ได้ร่วมกันบูรณะและยกฐานะขึ้นเป็นวัดจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ 
   ตำนานและประวัติอายุกาลของวัดพระธาตุดอยน้อย จึงมีมาไม่ต่ำกว่า ๑,๓๐๐ ปี ล่วงมาแล้ว ปัจจุบันวัดพระธาตุดอยน้อยได้จัดให้มีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุประจำปี ในวันเพ็ญ ขึ้น๑๕ ค่ำเดือน ๘ เหนือ จนกลายเป็นงานประจำปีของทางวัด

    บันไดนาคทางเดินขึ้น"วัดพระธาตุดอยน้อย" ระยะทางประมาณ ๒๔๐ ขั้นบันได รถยนต์สามารถขับเลี่ยงขึ้นไปถึงบริเวณลานจอดบนวัดได้


ซุ้มประตูโขง เชิงบันไดนาคทางเดินขึ้นวัด

"วัดพระธาตุดอยน้อย" ตั้งอยู่บนทำเลที่ตั้งมีลักษณะเป็นภูเขาขนาดย่อม ตามชื่อ "ดอยน้อย" ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำปิง สามารถชมทิวทัศน์และสายน้ำแม่ปิงได้

          จุดชมวิวทิวทัศน์และสายน้ำแม่ปิง บริเวณด้านหลังวัด

"พระธาตุดอยน้อย" มีลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบล้านนา รูปแบบเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ โดยเน้นความโดดเด่นที่ฐานราก องค์ระฆังจะมีขนาดเล็ก องค์พระธาตุหุ้มด้วยแผ่นทองจังโก๋ แบบการก่อสร้างพระเจดีย์ของวัดในทางล้านนา

    "อัศจรรย์..แสงแห่งลูกแก้วนิพพาน"...เป็นภาพที่ถ่ายได้โดยในช่วงกลางวันแดดร้อนๆ อาจจะเป็นมุมตกกระทบของแสงแล้วถูกกรองแยกสเปคตรัมสะท้อนทะลุออกมาเฉพาะคลื่นแสงสีแดงอมส้ม ผมเห็นเป็นเหตุอัศจรรย์ที่ถ่ายภาพได้ จึงขอเรียกว่า"อัศจรรย์..แสงแห่งลูกแก้วนิพพาน" ซึ่งหมายถึง...เครื่องหมายของภาวะแห่งความหลุดพ้น

    "พระธาตุดอยน้อย" ตั้งประดิษฐานอยู่ในเขตแนวรั้วกำแพงแก้ว  มีซุ้มพระประดิษฐานทั้งสี่ทิศ แบบจตุรทิศ และประดับด้วยฉัตรทั้งสี่มุม ซึ่งฉัตรใช้เป็นสิ่งสักการะเครื่องสูงชนิดหนึ่ง 

ยามตะวันส่องแสงกล้า







รูปปั้น "ยักษ์หลับ" คติคำสอนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท...."สติ"

ผึ้งหลวง มาทำรัง ตามแนวย่อมุมต่างๆขององค์พระธาตุ





"ปูชนียวัตถุที่สำคัญ"

"พระเจดีย์หินกิ่ว"


    "พระพุทธเจ้าน้อย" สัญลักษณ์แสดงถึงการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ และ "รอยพระพุทธบาท" สัญลักษณ์สิ่งแทนพระพุทธองค์ สำหรับพระพุทธเจ้าน้อยได้เคยมีการขุดค้นพบที่วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน หล่อด้วยโลหะ อายุเก่าแก่กว่าพันปี



"เจ้าแม่จามเทวี"

"พระวิหารหลังเก่า"

    มองจากภายในพระวิหารหลังเก่า เห็นโขงพระหรือกรุพระ หรือที่ประดิษฐานพระ สร้างโดยพระนางเจ้าจามเทวี พร้อมกับพระเจดีย์องค์ใหญ่ ตั้งอยู่ด้านข้างตัวพระวิหาร

      จารึกอักษร เขียนด้วยสำนวนโวหารในยุคนั้น เกี่ยวกับการสร้างพระวิหารหลังนี้

พระพุทธรูป ประดิษฐานภายใน

       อนุสาวรีย์หลวงพ่อพระสุพรหมยานเถระหรือครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในอดีต จังหวัดลำพูน


   การเดินทางบุญ...แต่แฝงไปด้วยแขนงเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะ รูปแบบสถาปัตยกรรม บ่งบอกวิถีชีวิตเรื่องราว เรื่องเล่า ร่องรอยจากอดีต...กับ "ร้อยป่า ร้อยเรื่องราว หลากเรื่องเล่า" ตำนานวัดพระธาตุดอยน้อย เฉกเช่นเดียวกันกับตำนานของการสร้างพระพุทธรูปที่ผาสามเงา อำเภอสามเงา จังหวัดตาก สามารถศึกษาค้นคว้าเรื่องราวประกอบกันได้ครับ..